สาเหตุที่อากาศในบ้านเราแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ปัญหาส่วนใหญ่จะมาจากฝุ่นควัน จากท่อไอเสีย และท่อปล่อยควันจากโรงงานต่างๆทางด้านอุตสาหกรรม
มลพิษทางอากาศจะมีผลอย่างไร? ต่อตัวเรา
มันจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว บอกเลยว่ามลพิษในอากาศเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรสูงกว่า 4 ล้านคนทั่วโลก และยังส่งผลให้อัตราการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพิ่มขึ้น
ในอากาศมีมลพิษอะไรบ้าง?
ในประเทศไทยหน่วยงานที่ดูแลและรายงานเรื่องมลภาวะในอากาศคือ กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งรายงานดัชนีคุณภาพอากาศหรือที่เรียกว่า Air quality index (AQI) เป็นค่าที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย สื่อถึงมลพิษทางอากาศที่อันตรายต่อสุขภาพรวม 6 ชนิด ได้แก่
ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เป็นฝุ่นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน เกิดจากการเผาไหม้ทั้งจากยานพาหนะ การเผาวัสดุการเกษตร ไฟป่า และกระบวนการอุตสาหกรรม สามารถเข้าไปถึงถุงลมในปอดได้ ทําให้ปอดเสื่อม หลอดลมอักเสบ มีอาการหอบหืด
ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เป็นฝุ่นที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 10 ไมครอน เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง การเผาในที่โล่ง กระบวนการอุตสาหกรรม การบด การโม่ หรือการทําให้เป็นผงจากการก่อสร้าง เมื่อหายใจเข้าไปสามารถเข้าไปสะสมในระบบทางเดินหายใจ อันตรายต่อสุขภาพ
ก๊าซโอโซน (O3) เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย ก่อให้เกิดการระคายเคืองตา เยื่อบุต่างๆ และระบบทางเดินหายใจ ความสามารถในการทำงานของปอดลดลง เหนื่อยเร็ว โดยเฉพาะในเด็ก คนชรา และคนที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง
ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเชื้อเพลิง ก๊าซชนิดนี้จะไปแย่งจับกับฮีโมโกลบินในเลือด ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่างๆ ของร่างกายลดน้อยลง ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการอ่อนเพลีย และหัวใจทำงานหนักขึ้น
ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ ในอุตสาหกรรม มีผลต่อระบบการมองเห็นและผู้ที่มีอาการหอบหืดหรือ โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) เกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่มีกำมะถัน (ซัลเฟอร์) ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุตา ผิวหนัง และระบบทางเดินหายใจ หากได้รับเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังได้
ทั้งนี้ นอกจากคุณภาพอากาศหรือมลพิษในอากาศจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพปอด หัวใจ และหลอดเลือดโดยตรงแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อผิวหนัง สุขภาพผิว สร้างปัญหาผิวแก่ก่อนวัย สีผิวไม่สม่ำเสมอ ได้อีกด้วย
**วิธีการลดมลพิษทางอากาศ
วิธีการลดมลพิษทางอากาศด้วยรถพลังงานไฟฟ้า เพียงแต่เปลี่ยนพลังงานมาใช้ไฟฟ้าแบบ 100% เท่านั้นเอง อย่างเช่น รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จักรยานไฟฟ้า สามล้อไฟฟ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นการช่วยลดมลพิษทางอากาศได้ดีมากๆ
1.ประสิทธิภาพเครื่องยนต์สูง
อาจทำให้ใครหลายคนต้องประทับใจตั้งแต่แรกพบ เพราะพลังงานไฟฟ้ามีประสิทธิภาพที่สูงมาก หากจะนำมาเปรียบเทียบในโลกการตลาด
2.รักษ์โลก ไร้มลภาวะ
แน่นอนอยู่แล้วพลังงานไฟฟ้าแบบ 100% จากแบตเตอร์รี่ ไม่มีเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง ก็ส่งผลให้ไม่สร้างมลพิษ ทางอากาศ เพราะไม่มีควันจากท่อไอเสีย ไม่ทำร้ายสุขภาพใครบนท้องถนน ที่สำคัญที่สุดคือไม่ก่อให้เกิด Pm 2.5 แบบนี้ใช้งานได้อย่างสบายใจ หมดปัญหาเรื่องมลพิษไปได้เลย
3.ประหยัดค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง โดยใช่เหตุ
คือเราไม่ต้องไปเสียค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ในทุกๆวัน เพราะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในทุกวันนี้ ขึ้นเรื่อยๆ
หากเราเปลี่ยนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า เราจะประหยัดเงินได้ถึง 10 เท่า
4.แข็งแรงและทนทาน
เบื้องต้นของการบำรุงรักษารถพลังงานไฟฟ้า เราทำหน้าที่เพียงแค่เช็คเบรก เช็คลมยาง และหมั่นคอยชาร์จแบตเตอร์รี่อย่าปล่าอยให้แบตหมดเกลี้ยง ดูแลง่ายมากๆ
5.สามารถลุยน้ำท่วมขัง ได้ถึง 20 เซนติเมตร
เพราะรถพลังงานไฟฟ้าไม่มีท่อไอเสีย สามารถลุยน้ำได้ดีกว่ารถที่ใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นแรงขับเคลื่อน
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก ดร.พญ. พลินี รัตนศิริวิไล (เรื่อง มลพิษทางอากาศ)
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง-เลเซอร์
ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 1
“Live Electric Life”
ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคุณ
--------------------------
Comentarios